Source : THE CREATORS PROJECT Channel
Wednesday, April 17, 2013
Daft Punk say electronic dance music is in crisis
แปลจาก บทสัมภาษณ์ของ Sean Michael จาก guardian.co.uk, Monday 15 April 2013 โดย MONT LINGDUM เขียนไว้ที่
http://www.guardian.co.uk/music/2013/apr/15/daft-punk-electronic-dance-music-crisis
ผิดผลาดประการใด ขออภัยด้วย ผมไม่ได้เป็นนักแปลมืออาชีพครับ แค่อยากให้ทุกคนและเพื่อนที่สนใจสิ่งเดียวกันได้อ่าน
"เพลงอิเลคโทรนิค (เอกลักษณ์ และตัวตนของมัน) กำลังอยู่ในช่วงวิกฤต" เป็นสิ่งที่ Daft Punk กล่าวถึงในการให้สัมภาษณ์ครั้งแรกๆในช่วงโปรโมทอัลบัมใหม่ Ramdon Access Memories ที่กำลังจะออกวางแผงในเดือนหน้านี้ คู่หูชาวฝรั่งเศสได้กล่าวไว้ว่า EDM (ย่อมาจาก Electronic Dance Music / อิเลคโทรนิค แดนซ์ มิวสิค) กำลังอยู่ในช่วงอยู่ตัว "มันไม่ขยับเขยือนไปไหนเลย" เป็นสิ่งที่ Thomas Bangalter (โทมัส แบงกอลเตอร์ หนึ่งในสมาชิกของ Daft Punk หุ่นตัวสีเงิน) กล่าว และยังเสริมอีกว่า "นั้นไม่ใช่สิ่งที่ศิลปินทุกคนควรจะทำ"
หลังจากการโปรโมทอัลบัมใหม่ด้วยการวิธีการแปลกใหม่มาเป็นเดือน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเริ่มให้สัมภาษณ์สำหรับอัลบัมที่ 4 ในการให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการกับนิตยาสาร Rolling Stone เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนบินมาร่วมงานคอนเสิร์ต Coachella 2013 (เทศกาลดนตรีที่มีชื่อเสียงระดับโลกในรัฐแคลิฟอร์เนีย, อเมริกา) เขาทั้งสองไม่ได้มาทำการแสดง แต่มาสอดแนม มาดูลาดราวแบบเงียบๆ และไม่ได้ใส่ชุดหุ่นยนต์แต่อย่างใด และเพื่อมาดูวิดีโอโปรโมท อัลบัมใหม่ Ramdon Access Memories ตัวใหม่ของพวกเขาที่ออกเป็นครั้งแรกสู่สายตาคนทั่วโลก
ในขณะที่การทำการตลาดแบบทั่วๆไปในโลกปัจจุบันทำกันบนสื่อออนไลน์และสื่อเฉพะแบบต่างๆ Daft Punk กลับต้องการโปรโมทงานใหม่ของเขาในแบบ "สมจริง" ""เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของแฟนเพลงจริงๆ" ยกตัวอย่างเช่น ทำการโปรโมทแบบขาดไม่ถึงในรูปแบบของโฆษณาทางทีวี หรือได้ยินเพลงใหม่ของเขาในงานเกษตรของชาวออสเตรเลีย Thomas Bangalter ยกตัวอย่างง่ายๆว่า "ในเวลาที่คุณขับรถไปตามเส้นเลียบชายหาดตะวันตกดิน แล้วคุณเห็นป้ายโฆษณาใหญ่ยักษ์ มันให้ความมหัศจรรย์ทางการรับรู้สื่อมากกว่าโฆษณาในเวป"
Random Access Memories ในช่วงแรกเริ่มต้นไม่ค่อยราบรื่นนัก ตอนที่ทั้งสอง Thomas Bangalter และ
Guy-Manuel de Homem-Christo (กีย์ มานูเอล เดอ โฮเมมคริสโต อีกหนึ่งในสมาชิกของ Daft Punk หุ่นตัวสีทองเริ่มทำอัลบัมนี้ในปี 2008 ช่วงแรกๆมันเหมือนกับการทำงานในระบบที่ทุกอย่างง่ายและอัตโนมัติหมด นั้นคือสิ่งที่พวกเขาบอกกับ Rolling Stone
"มันมีความคิดที่เราอยากจะทำเพลงในแบบที่เรายังไม่เคยทำ" Thomas Bangalter กล่าว "จุดเปลี่ยนสำคัญมาถึงตอนที่เราทั้งสองพยายามจะทดลองทำเพลงกับนักเล่นดนตรีสด คือเราได้สร้างรูปแบบเพลงขึ้นมาใหม่โดยการใช้อุปกรณ์สร้างเสียงตามแบบฉบับของเราแต่ใช้คนจริง" ในขณะที่ Daft Punk ยังคงใช้อุปกรณ์สร้างดัดแปลงเสียงร้อง (vocoders) แบบสมัยก่อน และอุปกรณ์โมดูล่า (modular synth) ที่ดัดแปลงออกแบบมาโดยเฉพาะ แต่ในครั้งนี้แทบจะไม่มีการใช้ samples เลย (คือการยืมเสียง หรือทำนองจากเพลงอื่นมาใช้) "พวกเราพยายามทำให้เสียงหุ่นยนต์มันออกมาเหมือนเสียงมนุษย์ให้ได้ความเป็นมนุษย์มากที่สุด โดยเฉพาะในเรื่องของการให้นำ้หนักของนำ้เสียง แสดงการออกทางอารมณ์ผ่านเสียงร้อง"
เครดิตภาพ: LINGDUM www.facebook.com/reallingdum (DAFT PUNK ALIVE 27/07/2007, Greek Theatre, Berkeley, California, USA. Shot with LOMO LC-A+ Kodak Portra Vivid 400
จะเห็นได้ว่ามีศิลปืนมาเกี่ยวข้องมากมาย อาทิเช่น Nile Rodgers, Pharrell, the Strokes' Julian Casablancas, Giorgio Moroder and Panda Bear, the Frenchmen procured "ศิลปินเหล่านี้คือบุคคลที่ถือว่าเป็นสุดยอดในการเล่นดนตรีในรูปแบบ session (การแสดงแบบเฉพาะกิจ เตรียมเล่นเพื่อการแสดงที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ)".
"ศิลปินเหล่านี้ตื่นเต้นมากที่จะได้เล่นร่วมกันอีก" De Homem-Christo กล่าว ถึงแม้ว่าในคราวนี้ Daft Punk จะไม่ได้ร่วมงานกับ Kanye West ในอัลบัม Random Access Memories เหมือนในคราวที่แล้ว แต่ De Homem-Christo ก็บอกว่า "เขาเป็นเพื่อนที่ดี"
การได้ทำงานกับคนจริงๆ ในห้องอัดจริงๆ Daft Punk หวังว่าจะเป็นส่วนช่วยกระตุ้นความเคลื่อนไหวในวงการเพลง EDM นี้ Tomas Bangalter บอกว่า "ทุกวันนี้ เพลงอิเลคโทรนิคถูกแต่งขึ้นที่สนามบิน และในโรงแรม และโดยดีเจที่เดินทางไปทั่วโลก" "มันมีนัยของการเคลื่อนไหว...อยู่บ้าง... แต่มันเทียบไม่ได้กับความรู้สึกของการเข้าไปในทำงานในสตูโอ ในที่ๆมีอะไรบางอย่างโดยเฉพาะอยู่ในนั้น... มันก็จริงที่คุณได้ยินเพลงเพลงหนึ่ง แต่...เพลงของใครละ? มันไม่มีลายมือ ไม่มีความเป็นตัวตนของศิลปินอยู่ในนั้น..."
เครดิตภาพ: LINGDUM www.facebook.com/reallingdum (DAFT PUNK ALIVE 27/07/2007, Greek Theatre, Berkeley, California, USA.
แปลโดย : LINGDUM
บทความดีๆที่มี คนดีๆแปลให้เราได้อ่านกัน ขอบคุณคนแปล Mont LingDum อีกครั้ง :)
http://www.guardian.co.uk/music/2013/apr/15/daft-punk-electronic-dance-music-crisis
ผิดผลาดประการใด ขออภัยด้วย ผมไม่ได้เป็นนักแปลมืออาชีพครับ แค่อยากให้ทุกคนและเพื่อนที่สนใจสิ่งเดียวกันได้อ่าน
"เพลงอิเลคโทรนิค (เอกลักษณ์ และตัวตนของมัน) กำลังอยู่ในช่วงวิกฤต" เป็นสิ่งที่ Daft Punk กล่าวถึงในการให้สัมภาษณ์ครั้งแรกๆในช่วงโปรโมทอัลบัมใหม่ Ramdon Access Memories ที่กำลังจะออกวางแผงในเดือนหน้านี้ คู่หูชาวฝรั่งเศสได้กล่าวไว้ว่า EDM (ย่อมาจาก Electronic Dance Music / อิเลคโทรนิค แดนซ์ มิวสิค) กำลังอยู่ในช่วงอยู่ตัว "มันไม่ขยับเขยือนไปไหนเลย" เป็นสิ่งที่ Thomas Bangalter (โทมัส แบงกอลเตอร์ หนึ่งในสมาชิกของ Daft Punk หุ่นตัวสีเงิน) กล่าว และยังเสริมอีกว่า "นั้นไม่ใช่สิ่งที่ศิลปินทุกคนควรจะทำ"
หลังจากการโปรโมทอัลบัมใหม่ด้วยการวิธีการแปลกใหม่มาเป็นเดือน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเริ่มให้สัมภาษณ์สำหรับอัลบัมที่ 4 ในการให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการกับนิตยาสาร Rolling Stone เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนบินมาร่วมงานคอนเสิร์ต Coachella 2013 (เทศกาลดนตรีที่มีชื่อเสียงระดับโลกในรัฐแคลิฟอร์เนีย, อเมริกา) เขาทั้งสองไม่ได้มาทำการแสดง แต่มาสอดแนม มาดูลาดราวแบบเงียบๆ และไม่ได้ใส่ชุดหุ่นยนต์แต่อย่างใด และเพื่อมาดูวิดีโอโปรโมท อัลบัมใหม่ Ramdon Access Memories ตัวใหม่ของพวกเขาที่ออกเป็นครั้งแรกสู่สายตาคนทั่วโลก
ในขณะที่การทำการตลาดแบบทั่วๆไปในโลกปัจจุบันทำกันบนสื่อออนไลน์และสื่อเฉพะแบบต่างๆ Daft Punk กลับต้องการโปรโมทงานใหม่ของเขาในแบบ "สมจริง" ""เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของแฟนเพลงจริงๆ" ยกตัวอย่างเช่น ทำการโปรโมทแบบขาดไม่ถึงในรูปแบบของโฆษณาทางทีวี หรือได้ยินเพลงใหม่ของเขาในงานเกษตรของชาวออสเตรเลีย Thomas Bangalter ยกตัวอย่างง่ายๆว่า "ในเวลาที่คุณขับรถไปตามเส้นเลียบชายหาดตะวันตกดิน แล้วคุณเห็นป้ายโฆษณาใหญ่ยักษ์ มันให้ความมหัศจรรย์ทางการรับรู้สื่อมากกว่าโฆษณาในเวป"
Random Access Memories ในช่วงแรกเริ่มต้นไม่ค่อยราบรื่นนัก ตอนที่ทั้งสอง Thomas Bangalter และ
Guy-Manuel de Homem-Christo (กีย์ มานูเอล เดอ โฮเมมคริสโต อีกหนึ่งในสมาชิกของ Daft Punk หุ่นตัวสีทองเริ่มทำอัลบัมนี้ในปี 2008 ช่วงแรกๆมันเหมือนกับการทำงานในระบบที่ทุกอย่างง่ายและอัตโนมัติหมด นั้นคือสิ่งที่พวกเขาบอกกับ Rolling Stone
"มันมีความคิดที่เราอยากจะทำเพลงในแบบที่เรายังไม่เคยทำ" Thomas Bangalter กล่าว "จุดเปลี่ยนสำคัญมาถึงตอนที่เราทั้งสองพยายามจะทดลองทำเพลงกับนักเล่นดนตรีสด คือเราได้สร้างรูปแบบเพลงขึ้นมาใหม่โดยการใช้อุปกรณ์สร้างเสียงตามแบบฉบับของเราแต่ใช้คนจริง" ในขณะที่ Daft Punk ยังคงใช้อุปกรณ์สร้างดัดแปลงเสียงร้อง (vocoders) แบบสมัยก่อน และอุปกรณ์โมดูล่า (modular synth) ที่ดัดแปลงออกแบบมาโดยเฉพาะ แต่ในครั้งนี้แทบจะไม่มีการใช้ samples เลย (คือการยืมเสียง หรือทำนองจากเพลงอื่นมาใช้) "พวกเราพยายามทำให้เสียงหุ่นยนต์มันออกมาเหมือนเสียงมนุษย์ให้ได้ความเป็นมนุษย์มากที่สุด โดยเฉพาะในเรื่องของการให้นำ้หนักของนำ้เสียง แสดงการออกทางอารมณ์ผ่านเสียงร้อง"
เครดิตภาพ: LINGDUM www.facebook.com/reallingdum (DAFT PUNK ALIVE 27/07/2007, Greek Theatre, Berkeley, California, USA. Shot with LOMO LC-A+ Kodak Portra Vivid 400
จะเห็นได้ว่ามีศิลปืนมาเกี่ยวข้องมากมาย อาทิเช่น Nile Rodgers, Pharrell, the Strokes' Julian Casablancas, Giorgio Moroder and Panda Bear, the Frenchmen procured "ศิลปินเหล่านี้คือบุคคลที่ถือว่าเป็นสุดยอดในการเล่นดนตรีในรูปแบบ session (การแสดงแบบเฉพาะกิจ เตรียมเล่นเพื่อการแสดงที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ)".
"ศิลปินเหล่านี้ตื่นเต้นมากที่จะได้เล่นร่วมกันอีก" De Homem-Christo กล่าว ถึงแม้ว่าในคราวนี้ Daft Punk จะไม่ได้ร่วมงานกับ Kanye West ในอัลบัม Random Access Memories เหมือนในคราวที่แล้ว แต่ De Homem-Christo ก็บอกว่า "เขาเป็นเพื่อนที่ดี"
การได้ทำงานกับคนจริงๆ ในห้องอัดจริงๆ Daft Punk หวังว่าจะเป็นส่วนช่วยกระตุ้นความเคลื่อนไหวในวงการเพลง EDM นี้ Tomas Bangalter บอกว่า "ทุกวันนี้ เพลงอิเลคโทรนิคถูกแต่งขึ้นที่สนามบิน และในโรงแรม และโดยดีเจที่เดินทางไปทั่วโลก" "มันมีนัยของการเคลื่อนไหว...อยู่บ้าง... แต่มันเทียบไม่ได้กับความรู้สึกของการเข้าไปในทำงานในสตูโอ ในที่ๆมีอะไรบางอย่างโดยเฉพาะอยู่ในนั้น... มันก็จริงที่คุณได้ยินเพลงเพลงหนึ่ง แต่...เพลงของใครละ? มันไม่มีลายมือ ไม่มีความเป็นตัวตนของศิลปินอยู่ในนั้น..."
เครดิตภาพ: LINGDUM www.facebook.com/reallingdum (DAFT PUNK ALIVE 27/07/2007, Greek Theatre, Berkeley, California, USA.
แปลโดย : LINGDUM
บทความดีๆที่มี คนดีๆแปลให้เราได้อ่านกัน ขอบคุณคนแปล Mont LingDum อีกครั้ง :)
Thursday, April 11, 2013
A-Trak & So Me Unite for adidas Originals
This next installment continues the exciting endeavors behind adidas Originals‘ “unite all originals” campaign, showing two artisans of equal calibers of their own field in a colossal collision. Here, So Me provides his trademark artwork onto A-Trak‘s vinyl before a serendipitous occurrence irrupts on the turntables. The track featured is an edit from A-Trak’s bass-heavy single “Landline,” which he has interpreted via slew of real-time samples. Watch the Fools Golds label boss cull from a myriad of ideas from a previous episode, and stay tuned for more from adidas Originals.
Source : Hypebeast
Subscribe to:
Posts (Atom)